Friday, March 17, 2006

ในมืด มีสว่าง ในสว่าง มีมืด

ภาค : 17.59

แสงอัสดงปลั่งเปล่งระยับยิบ

วายุทิพย์หมุนสะท้านสะเทือนไหว

เหล่ามวลชนนราเจ้าอธิปไตย

ต่างร่วมจิตสว่างไสวกว่าอาฑิตย์

ภาค : สามัญสามานย์ชน

กูเห็นความมืดกำลังครอบ

กูเห็นความชอบกำลังปิด

กูเห็นธรรมกำลังเป็นพิษ

กูเห็นผีร้ายหมายชีวิตตัวกู

มึงใช่มั้ยไอ้จัญไรคนทำ

มึงคือกรรมทำบ้านเมืองอดสู

มึงชาติชั่วมาเอาเปรียบพี่น้องกู

มึงต้องตายให้กูดูเห็นกับตา

ภาค : สว่างนีออน

ประชาชนของข้าที่รักยิ่ง

มันไม่จริงข้าพเจ้าถูกกล่าวหา

ข้าพเจ้าเล่นตามกติกา

ยังโดนตามหาเรื่อง อันธพาล

ข้าเกิดมาเพียงต้องการทำเพื่อชาติ

เงินซักบาทข้าไม่หวังโปรดสงสาร

มีแต่พวกเสียประโยชน์อันธพาล

ที่ต้องการขืนข่มข้าให้ออกไป

ภาค : มนุษย์ไร้มนุษย์

ในมืดแลเห็นความสว่าง

ที่พร่าวพร่างพริ้มเพริศสดสวย

ในสว่างมีมืดงงงวย

ที่อำนวยความลึกลับซ่อนเร้น

การมองเห็นยากจะใช้ตา

สดับรู้มายาแห่งแสง

เพราะจำกัดร่างกายยากพลิกแพลง

ที่จะตัดผ่านกำแพงกั้นขวาง

มีพลังแห่งจิตในลึก

ที่จะเห็นคิดนึกสิ่งประจักษ์

ไร้มายาไร้ภาพอัตลักษณ์

ที่นั่นคือที่พำนักแห่งเซ็น

(เซ็นในที่นี้หมายถึง ซาโตริ หรือหมายถึงพุทธธรรม ครับ มิได้หมายเป็นอื่นที่เป็นดั่งหนังสือชี้ชวนเข้ารีต 555!)

Friday, March 10, 2006

เมื่อเวลาที่ผ่านเริ่มร้อนเร่าแผดเผา



เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม เมืองฟ้าอมรบางกอก(bangkok)ที่ไม่ใช่แบง!!ค็อค!!(bang!!! cock!!!) มีการวางและปาระเบิดสองจุด

จุดหนึ่งคือ บ้านสี่เสาร์เทเวศร์ ที่พำนักของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์

จุดหนึ่งคือ ที่พักของ ดร.ชัยอนันต์ สมุทรวานิช

ที่หนึ่งเป็นที่พัก ของ ประธานองคมนตรี บุรุษผู้ใกล้ชิดของพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่ปรึกษาสูงสุดในกิจการบ้านเมืองของพระมหากษัตริย์ เป็นผู้อาวุโสของบ้านเมืองผู้มีความเป็นกลางทางการเมืองสูงสุด ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ดำรงความเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจนไปที่เคารพไปทุกแวดวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแวดวงทหาร และปาฐกถาบ่อยครั้งในประเด็น จุดยื่นทางจริยธรรมของผูนำองค์กร หรือผู้นำในการบริหารงานทุกประเภท

ที่หนึ่งเป็นที่พักของ ผู้บังคับการโรงเรียนวชิราวุทธวิทยาลัย โรงเรียนที่พระเจ้าอยู่หัว ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อตั้งและเป็นเขตพระราชฐาน มีการเสด็จผ่านอยู่บ่อยครั้ง และผู้บังคับการของโรงเรียนแห่งนี้มีบทบาทในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา แสดงชัดเจนอย่างยิ่งในกรณีของการลาออกจากประธานบอร์ด กฟผ. และเป็นผู้ร่างฎีกาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานรัฐบาลชั่วคราว

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกี่ยวพันกับการเมืองที่ร้อนระอุ ทะลักล้นปรอท

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกี่ยวพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์

แสดงถึงความขัดแย้งทางการเมืองที่เลื่อนไหลไปสู่อีกระดับ เป็นระดับที่ตรงข้ามกับจุดยืนของกลุ่มผู้เรียกร้องให้นายกทักษิณลาออก ที่ใช้อหิงสา ที่ใช้สันติวิธี
เป็นระดับที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง

จากคำกล่าวของพล.ต.เอก โกวิทย์ วัฒนะ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเนชั่น กล่าวว่าเป็นการใช้ระเบิดในรูปแบบเดียวกับที่ปาสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ที่ห้างโตคิว ที่สำนักสันติอโศก

เป็นการวางระเบิดหลังจากที่มีการเรียกร้องให้นายกทักษิณลาออกครั้งแรกในวันที่ 4 ก.พ.

สังคมพุ่งเป้าความสงสัยไปยัง กลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุม ที่อาจมีผีเปรตในคราบนักบุญ

และแน่นอนว่าสังคมพุ่งเป้าข้อสงสัยไปยังฟากรัฐบาล ที่อาจมีผีเปรตในคราบนักบุญ

หรือมีการคาดเดาว่าจะเป็นมือที่สามสี่ห้า สุดแท้แต่

ประเด็นมิได้อยู่ที่ว่าใครเป็นคนทำ น้อยไป...

ประเด็นอยู่ที่ว่าการดำเนินการทางการเมือง การช่วงชิงอำนาจทางการเมือง การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของประเทศไทย มักจะกอดชิดมากับความรุนแรง

หรือสันติวิธีอหิงสธรรมจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ?

เพราะฉะนั้นนัยประหวัดที่กล่าวมามิได้กล่าวให้กลัว มิได้กล่าวว่าเลิกเสียเถอะ การต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยอหิงสธรรม โดยสันติวิธี

เพราะการเปลี่ยนผ่านการเมืองอยู่ในมือท่าน ประชาชนทุกคน การมองว่าใครเป็นคนทำ หากเป็นฝ่ายแกนนำของการชุมนุม ก็มิได้หมายความว่า ประเด็นที่ท่านทั้งหลายมาชุมนุมมันถูกลดทอนลง

เพราะจุดร่วมในการชุมนุม มิได้อยู่ที่ตัวแกนนำที่อาจมีผีเปรตอาศัยแคลบแฝงอยู่

แต่จุดร่วมอยู่ที่เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงกำลังแสดงออกโดยอหิงสธรรม และสันติวิธี ถึงเจตนาในความต้องการระบอบการปกครองบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไปสู่อีกระดับ

ระดับที่ประชาชนมีส่วนรวมกับการเมืองมากขึ้น

ระดับที่การฉ้อฉลในแวดวงการเมือง หรือแวดวงราชการ ได้รับการปรับปรุง

ระดับที่ต้นทุนในการใช้ชีวิตของพวกเรา พี่น้องเรา ลูกหลานของเรา มีต้นทุนที่ถูกลง มิใช่ไปเสียเปล่ากับการคอร์รัปชั่น

เพราะหากเราไม่ทำ แล้วการเปลี่ยนแปลงมันจะอีกสักกี่ชาติ

การเปลี่ยนแปลงตอนนั้น เราอาจจะเหลือแต่กระดูก ประเทศอาจจะตกเป็นทาสทุนนิยมโดยสมบูรณ์ เพราะนักการเมืองคงฉ้แฉลอาจหนักข้อขึ้นทุกวัน ทุนต่างชาติอาจบีบโดยความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่าลิบโลก ให้เราเป็นแต่แรงงานไร้ฝีมือ

มีอีกหลายสิ่งที่จะต้องคิดต่อ หลังจากการแสดงถึงอารยะขัดขืนครั้งนี้

ก็คิดต่อกันไป อย่างเข้มข้น อย่างหลากหลาย และอย่างเปิดกว้าง

สู้ต่อไปเถอะประชาชนที่รัก ผมจะเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับพวกคุณ

ในนามของ เด็กน้อยคนหนึ่ง

Thursday, March 09, 2006

มีดและด้าม?


“คัมถีร์ไร้อักษร
ช่างบริสุทธิ์ และสดชื่น
ดอกไม้ที่ประดับด้วยหยาดน้ำค้าง
ช่างไพเราะเสนาะใส
บทเพลงของหมู่วิหค
เมฆขาวสงบ ธารน้ำส่องประกายสีคราม
ใครเลยที่อาจขีดเขียน
ด้วยถ้อยคำที่แท้ อันปราศจากอักษร
ขุนเขาสูงตระหง่าน แมกไม้เขียวขจี
หุบเหวล้ำลึก ธารน้ำสะอาดใส
สายลมบางเบา ดวงจันทร์สวยล้ำ
อย่างสงบงัน ข้าพเจ้าอ่าน
ถ้อยคำที่แท้ซึ่งไร้อักษร”

ดอกไม้ไม่จำนรรจ์,เซนไค ชิบายามะ

หลายชั่วนาฬิกาหมุนแล้วที่ผมครุ่นคิด จับการเคลื่อนไหวของสติ และพยายามนั่งคุยกับตัวอักษรชุดข้างบนนี้

บุหรี่ต้องพลีชีพไปหลายซอง... เพื่อควันเผาไหม้ความโง่เง่า และควันพริ้วเอื่อย ยังม้วนตัวไปมาต่อไป

กี่มวนแล้วนะ?

กาแฟ ที่มิใช่อาราบิก้า... เทราดไปหลายถ้วยละลายไปกับทะเลแห่งความไม่รู้ และมันยังรินราดในขนานจิบหรือsipต่อไป

กี่แก้วแล้วนะ?

แต่ผมยังไม่เข้าใจ หากเป็นเม็ดฟักทองก็ยังขบไม่แตกถึงแก่นแท้เนื้อใน วิถีคิดและชุดความคิดแบบเปลือก เบื๊อกๆ ยังมีอยู่เต็มกบาลใสแหน่ว(ข้างในของผม)

จะทำเช่นไรหล่ะที่จะล่าแก่นซึ่งซึ่งน่าขบเคี้ยวนั้น

มีใครและใครและใคร บอกว่า "แก่นจริงแท้หามีแก่นไม่...จึงมีแก่น"

ผม-ผู้ซึ่งคือผมหรือเปล่าก็ไม่รู้จึงมีผม ก็คิดว่า เฮ้ยนีมันอะไรกันวะมันคือการเล่นลิ้นเชิงตรรกะหรือ แล้วถ้า "การฆ่าจริงแท้ หามีการฆ่าไม่... จึงมีการฆ่า" เช่นนี้ก็จะมีการคร่าชีวิตพลีชีพไปเพื่อรู้แก่นแท้ของอนัตตาหรือ หรือว่าชีวิตที่แท้ต้องมีการเข่นฆ่า หากเป็นเช่นนั้นการฆ่าผู้อื่นย่อมชอบธรรมหรือ "รัฐธรรมนูญจริงแท้หามีรัฐธรรมนูญไม่... จึงมีรัฐธรรมนูญ" คืออะไรหล่ะ แล้วรัฐธรรมนูญนี่มันฉบับไหนหล่ะ แล้วข้างในมันบัญญัติไว้ว่าอย่างไร แล้วการได้มาของมันเอามาจากไหน ใครเป็นคนร่าง เนื้อความยอมรับได้มั้ย

ผมยังครุ่นคิด... และอีกไม่นานคงแปรกลายเป็นความคลุ้มคลั่ง ขอบสุดของสติ การข้ามไปสู่ดินแดนที่ไม่มีใครตามตัวผมได้คงเป็นเรื่องที่มิใช่เพ้อฝันอีกแล้ว

เหงื่อกาฬไหลย้อย ท่วมหน้าผม ลงไปสู่ปาก ทำให้ผมรับรู้รสชาติของความพ่ายแพ้ ของความโง่ ของความไม่รู้ เส้นเลือดผมปูดโปนเห็นได้ชัด ตอกย้ำว่า ผมนี่มันเป็นคนใช้ไม่ได้เสียจริง คิดจนร่างกายขมึงเกร็ง ไปทุกภาคส่วนแล้ว ยังหาแก่นไม่เจอเสียที

ห้องผมยังมืดสลัวอยู่ เพราะผมยังไม่มีวันเปิดให้มันสว่างได้หรอก หากจิตใจผมยังมืดมิด มืดบอดอยู่เช่นนี้ จะมีประโยชน์อะไรที่จะอาศัยแสงสว่างจอมปลอมมาหลอกลวงผมอีก ผมไม่ใช่เด็กอมมืออ่อนแอ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ เคยบอกผมแล้วว่า เรามีแสงสว่างในตัวเอง ถึงเราจะไม่ใช่หิ่งห้อยก็เถอะ ผมเชื่อเขาและผมจะต้องทำให้ได้

แล้ววรพจน์มันเก่งกาจมาจากไหนมันถึงบอกว่าเรามีแสงสว่างในตัวเอง จริงแล้วเราอาจจะเป็นความมืดนิรันดร์ที่หายใจได้ก็เป็นได้ เป็นความหมายในขนาดมหึมา ที่ค่อยบีบตัวเราเองอย่างอำมหิต จนสูญสลายไป ก็เป็นได้ มูราคามิกล่าวไว้

....................................................................................................



“ในอดีต มีอาจารย์เซนรูปหนึ่ง ชื่อเซคิโตะ สมัยท่านยังเป็นพระฝึกหัดอยู่ วันหนึ่งท่านออกไปทำงานในภูเขาร่วมกับพระอื่นๆ ทั้งหมดผ่านไปในช่องเขาแคบๆ ที่ระเกะระกะอยู่ด้วยเครือไม้และเถาวัลย์จนแทบจะเดินทางต่อไม่ได้ พระที่นำขบวนจึงหันกลับมาหาเซคิโตะแล้วกล่าวว่า “เถาวัลย์รกตนแทบไม่อาจเดินต่อไปได้ ท่านจะให้ข้าพเจ้ายืมมีดเล่มใหญ่ที่ท่านนำติดตัวมาได้หรือไม่” เซคิโตะก็ปลดมีดเล่มใหญ่ออกมา และยื่นพุ่งออกไปเบื้องหน้าโดยมีปลายแหลมจดจ้องไปที่พระผู้นั้น พระก็สะดุ้งตกใจหดมือกลับร้องว่า “อย่าเล่นบ้าๆส่งทางด้ามมาเร็ว” แต่คำตอบของเซคิโตะแหลมคมเสียยิ่งกว่าปลายมีดอีก ท่านตอบว่า “ด้ามมีดมีประโยชน์อะไรกัน” พระก็ได้แต่นิ่งอึ้ง โดยไม่อาจพูดจาโต้ตอบได้แม้แต่คำเดียว”
ดอกไม้ไม่จำนรรจ์,เซนไค ชิบายามะ

...........................................................................


นาฬิกาผ่านเดินทางในโลกแห่งความนาน แต่ผมมิได้ตามมันไป

อืม...

สวัสดีครับ(อย่างมีสต)ิ