Saturday, October 07, 2006

ประนมประนามหยามหยันถึงความฝันความสุข

เส็งเคร็งมนุษย์อาจมสังวาส

ขลาดเขลาชืงเปรตพึงเพียงอำนาจ

กระจอกงอกง่อยอ้างตนดีถม

แต่ควา่มโสมมราดรดใบหน้า

เลยมิพักเห็นดอมดมสัมผัส

อารยะสงัดอยู่ตรงสง่า

หวังพ้นวิโยคตามกรอบแคบสติ

โถ่ซิฟิลิสแห่งร่างปัญญา

ก่นด่าวิพากษ์มั่วแบ่งฝักหั่นฝ่าย

ฟัดกันให้ตายไร้ต่างจากหมา

สามานย์ครองจิตหวังพิชิตความต่ำ

ระย่ำพอกันเตี้ยชะลูดเพียงผิว

ข้าโสข้าสาบข้่าอุจาดชีวิต

คิดตนงามสฤษฏ์แท้จริงกิเลสหิว

เชื่อตนยิ่งใหญ่ประกาศิตปลิดปลิว

" เกิดดับเพียงริ้วร่องกาลอนันต์ "

8 Comments:

At 12:37 PM, October 29, 2006, Blogger Gelgloog said...

อืมๆ

คืออยากทราบมานานแล้วว่า หัดแต่งกลอนจากไหนหรอครับ แบบว่าใช้คำได้บรรเจิดมาก

 
At 6:26 PM, October 29, 2006, Blogger Soulseeker said...

ไม่พบกันเสียนานเลยนะครับ คุณท่าน gelgloog

ตอนนี้ประเด็นโหดๆของสงครามทางความคิดที่มีกันในบลอก ทำให้ผมเฉาไปเยอะ เลยนั่งแต่งกลอนบ้าๆบอๆ 555

ผมว่าการประพันธ์สำหรับผมนี่นับว่าอ่อนหัดยิ่ง (จอมยุทธ์มากๆ)

คุณต้องดู คนใกล้ตัวก็เมฆบ้า ตอนไม่บ้าครับ 555

ส่วนปรมาจารย์ในผืนดินไทยมีมากมาย ที่ อยู่ขอบเท้า(สุดตีน) ก็อังคาร กัลยาณพงศ์ ท่านเนาวรัตน์

สาวสวยจิระนันท์ งัยฮะ

ผมว่าการแต่งกลอนเหมือนเล่นฟุตบอลและอีกหลายอย่างในโลกนี้

สัมผัส หลงรัก เลียนแบบ ฝึกฝน และ ปฏิบัติ สุดท้ายพบตัวเองในสายที่เดิน

เหมือนกันอย่างยิ่ง สรรพสิ่งล้วนโยงใย ในความหมาย ไอไสตน์ คาปร้า พุทธ เซน ครับ

เพราะฉะนั้น การร่ำสุราจึงคล้ายกันอย่างยิ่งกับการสร้างงานวิชาการ และการแต่งกลอน
จบงงๆแฮ่ะ

555 ชีวารื่นครับ

 
At 11:06 PM, November 13, 2006, Blogger Tanusz said...

ชอบท่อนเนี้ย "ก่นด่าวิพากษ์มั่วแบ่งฝักหั่นฝ่าย ฟัดกันให้ตายไร้ต่างจากหมา"

สงครามความคิดทำให้ผมเพิ่งเข้าใจได้ว่าโลกของความคิดเห็นต่าง ที่โต้เถียงกันด้วยเหตุผลคงมีแต่เพียงในอุดมคติเท่านั้น

ปล.ไว้ว่างๆ ไปดื่มกัน

 
At 4:58 PM, November 14, 2006, Anonymous Anonymous said...

ปากดี ปากดี

 
At 5:08 PM, November 14, 2006, Anonymous Anonymous said...

สงครามที่ว่า คือ สงครามของ ความจริง กับ ความคิด ขอรับ

ท่านเข้าใจผิดแล้ว

ไอ้พวกสำนักชักว่าวนิยม มันจะไปรู้อะไร

หวังว่าจะทำให้เสียบรรยากาศ เป็นความจงใจอย่างร้ายกาจอุกฉกรรจ์ เพราะรับไม่ได้ กับความหยาบคายแสนสุภาพ

ปัญญาชน คือ ผู้รู้หนังสือ เท่านั้น นะหรือ

สังเวช สังวาส Theory
ปล้นภาษีใช้ภาษาชาวสวรรค์
แดกดิ้นกินเสพกามตัณหากัลป์
ลิ้มรสขนมอนันตปัญญา (อ่อน)

ชาวบ้านกล้ามเกร็งเขม็งเหงื่อ
แดงเรื่อด้วยแดดไออาบไล้ไล่ล่า
กูปัญญาชนพร่ำบ่นกระเด้าตำรา
แลบลิ้นเลียคราบอสุจิปัญญาสูดกิน

สังเวช สังวาส ปัญญาทุรชน
สัปดนสะเด่าเพ่ง Theory กศีล
แดกตำราเหมือนหนอนกระซวกคูตรมูตรกิน
ประชาชนจะดาวดิ้นช่างแม่งมัน สันดาน

 
At 11:30 PM, November 15, 2006, Blogger Soulseeker said...

ฝั่งหนึ่ง กับ อีกฝั่งหนึ่ง

ตายห่า!!

โลกเดียวกัน

เชื้อเชิญชวน เหยียบบ่ำ สำเริงสำราญ และเหยียบย่ำ

ความฉิบหายของมวลมนุษยชาตื

555!!!

 
At 2:21 PM, November 16, 2006, Blogger logakoo said...

นั่งเมียงมองส่องวลีกลอนที่ว่า
ฮ่าฮ่าฮ่าว่าแล้วต้องเขียนมั่ง
เขียนจะดีจะไม่ดีช่างแม่มัน
แค่อยากแสดงความเห็นแบบโลกา

เหล่าบัณฑิตคร่ำเครงเคร่งเก่งวิชา
เพียงพามาฟาดฟันกันใช่ไหม
กูนะรู้กูน่ะเก่งเจ๋งกว่าใคร
แต่ฉิบหายความจัญไรตกประชา

บ้างแสดงความเห็นเป็นเช่นปราชญ์
บ้างฉลาดนั่งงอเท้ากระเด้าด่า
ใครจะทำกูขวางมันทุกครา
กูทำตามกางตำราจะทำไม

ตรองดูแล้วกูไม่อยากเข้าไปด่า
ไม่ได้ว่าไม่เข้าข้างใครที่ไหน
วิถีทางของใครก็ของใคร
แต่ไฉนเอามาทับถมกัน

เออก่นด่าวิพากษ์มั่วแบ่งฝักหั่นฝ่าย
ฟัดกันให้ตายไร้ต่างจากหมา
มันก็ต้องมีเหตุก่อนสิวา
เขาถึงมาด่ากันอย่างนั้นแล
(ใครด่าใครก่อนเราก็รู้ แต่กูว่าเดี่ยวมันก็ดีกันเองแหละ)

เราโลกากูขอเชิญโซลซีคเกอร์
มานั่งเซ่อดูเพลินๆดีกว่าเหวย
เราไปร่ำสุราดีกว่าเอย
หานารีมาชมเชยพามาฟัน

เรื่องแบ่งฝ่ายปล่อยมันช่างพวกเขา
เราไปเฝ้าโคโยตี้ดีกว่าสหาย
เปิดเมมเบอร์เสวยสุขให้สบาย
โอ้เพื่อนชายนายแทนไปเถิดเรา

พากันไปกลาสโฮม โซปราโน่
โผล่รีสอร์ตหรือเดอะเพนต์เป็นไฉน
หรือจะไปไม้เอกเห็นเป็นไง
จะได้เรียกมาไล้มาไซร้ทรวง

นางนวลน้อยคอยสบัดขยับโยก
ย้ายสะโพกโบกไปทางซ้ายขวา
เดี๋ยวแอ่นหน้าแอ่นหลังเอนเอกา
ส่งสายตายกแข้งขาเย้ายั่วเรา

เอ้าโลกาและห่าลอสโซลซีคเกอร์
รีบไปเล่นชักเย่อกันเถิดหนา
หาความสุขความมันส์ฉ่ำอุรา
ชาตาชาติถึงฆาตไปก็ใช่เรา

แม่งเขียนห่าไรวะเนี่ยกู
เอาเหอะๆ
ขำๆ กลอนมันพาไปว่ะ
สงสัยเสียคนเพราะมึง

 
At 8:06 PM, November 19, 2006, Blogger Soulseeker said...

แดนฉิมพลี นารีหฤหรรษ์

จิตสั่น

อยากกลับถิ่นเขตขาม...

อารามใจ

โปรดเถิด...

"เธอ"

 

Post a Comment

<< Home