Wednesday, November 02, 2005

ขอบคุณครับคุณพ่อและกราบแทบเท้านะครับคุณแม่
ขอบคุณครับที่มอบหัวใจดวงน้อยๆให้กับคนๆนี้ ที่ได้รับอวัยวะที่สำคัญยิ่งนี้-ใช่ครับสิ่งที่ผมกล่าวคือ ดวงหัวใจของแทนเองครับคุณพ่อคุณแม่
ถึงแม้มันไม่ใช่เหล็กกล้าที่แข็งแกร่ง มิใช่ภูผาที่ตั้งตระหง่าน แต่มันเป็นสิ่งที่ฝ่าฟันความทุกข์นับหมื่นนับแสนครั้ง และยืนขวางพายุแห่งความปวดร้าวที่รุนแรง
ในท้ายที่สุด... มันยังเต้นอยู่ครับ มันยังเต้นอยู่
ทุกครั้งที่ผมทำผิดพลาดไม่ว่าความผิดนั้นจะร้ายแรงแค่ไหน ไม่ว่าใครจะรู้หรือไม่ไม่ว่ามันจะเสียหายแก่ใคร คุณสุดท้ายที่ทราบ คนๆเดียวที่แบกรับความเจ็บปวดนั้นคือ ตัวของผมเองครับ ตัวผมเอง
คำถามที่มักจะพุ่งเข้ามากระแทกในเวลาที่รวดร้าวเช่นนี้นั้นคือ
“ชีวิตจะเปิดโอกาสให้คนเราผิดพลาดมากแค่ไหน”
ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา ผมรู้ครับว่าเส้นทางที่ได้เดินผ่านมานั้น ช่างเป็นทางเดินอันแสนเยาว์วัยของเด็กชายที่เพิ่งจะได้เริ่มต้นเรียนรู้ความหมายของคำว่าชีวิตเท่านั้น แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจครับที่ผมไม่ได้เพียงแต่ใช้มันไปวันๆไม่ต่างอะไรกับลูกนายกมือถือใช้เงินอย่างโยนกระดาษ
จากเท่าที่ผมได้เดินทางในถนนสายชีวิตนี้มา ผมเห็นชีวิตแต่ละชีวิตรับแสงแดดแห่งความสุข แต่สุดท้ายมันก็จะได้พบเจอกับพลบค่ำแห่งจิตวิญญาณอันเป็นวัฏจักรที่เป็นหมุนวนผันเปลี่ยนดั่งเช่นนี้ตลอดกาล-ใช่ครับไม่ต่างอะไรกับการขึ้นของพระอาทิตย์สลับสับเปลี่ยนกับพระจันทร์เดินทางเข้ามาทักทายทำหน้าที่แทน
แต่สุดท้ายคำถามที่ถามก็ยังล่องลอยแสดงตัวตนชัดเจนอยู่ในท้องฟ้าแห่งสติปัญญา หากเรายังถามว่ามันยังจะมีความผิดพลาดอีกมากแค่ไหนที่เราจะกระทำต่อไป เราคงไม่มีวันตอบคำถามนี้ได้ เพราะมันคงจะมีต่อไปไม่มีวันที่สิ้นสุด ดั่งที่ผมเคยได้ฟังคำกล่าวของผู้เลิศล้ำทางปัญญาผู้หนึ่งว่า “ทุกคนเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต แต่ไม่มีแม้สักคนรู้ว่าควรจะใช้ชิวิตอย่างไร” แต่หากเปลี่ยนคำถามว่า “เราจะรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเช่นไร”แสงสว่างแห่งปัญญาเริ่มค่อยๆฉายแสง
เจ็บปวดเหลือเกินแต่ผมยังคงยิ้มให้กับชีวิตอย่างสุดหัวจิตหัวใจ
แหลกสลายเป็นจุณ แต่แทนยังรู้สึกแข็งแกร่งเกินกว่าประมาณ
ไร้ค่า แต่นั้นคือมูลค่าที่เหลือคณานับ
หัวใจไร้รัก แต่ยังรู้สึกว่ารักยังแผ่ซ่านอยู่ในทกอณู
ขอบคุณครับพ่อและกราบแทบเท้านะครับคุณแม่ ที่ให้หัวใจดวงนี้กับลูกมา ผมจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังครับ