Wednesday, April 26, 2006

Before the dawn comes


สวัสดีครับทุกท่าน ข้อความนี้เหล่านี้ถูกบันทึกตอนพลบค่ำบนโลก และกำลังพลบค่ำ ในสถานีจิตใจ น่าจะเป็นป้ายต่อไปไม่ไกลมากมาย

พันหมื่นทิวาวาย หนางหน่ายราตรี
แสนล้านชีวีแตกต่างเช่นไร
นาฑีผันผ่านจิตหม่นหมองไหม้
เหตุผลกลใดความมืดสะท้านเยือกแข็ง

คืนนี้เป็นคืนดาวสวย ลองแหงนน่าขึ้นไปซิครับ(สุนทรียะตนกำซาบ) จริงแล้วฟ้าตระหง่านอยู่เช่นนั้นเอง แต่เยือกแข็งเกาะกุม โดยเรา เพื่อเรา เพราะเรา

คำตอบของชีวิตยังยืนตรงแน่นหนาอีกครั้ง และอีกครั้ง...

ผมตอบได้อีกแล้ว... แต่ขาดด้วนวิธีการ ปลดเปลื้องพันธนาการอารมณ์

ถึงมีวิธีการ... แต่เว้าแหว่งรยางค์ปฏิบัติเกิดผล

ถึงมีรยางค์ปฏิบัติ... แต่ขาดแรงพลิ้วโปรย เช่นท่านอาฑิตย์ที่มิเคยแหนงหน่ายการให้แสงสว่างปราศจากมายา

เมื่อมาคำนวณ คูณ ลบ หาร กับจิตตน จึงเห็นได้ว่า ผม(เรา นาย แก ในความหมายบัญญัติ) เผชิญแรงปะทะจากโลกอีกครา แต่มีปัญหา แน่นอนซิ นายกำลังเผชิญปัญหา รู้ถึงตัวปัญหา เห็นแจ้งคำตอบ แต่ไร้แรงปฏิบัติ....... ทุเรศมนุษย์-ถุย!!!

และต้องขอบคุณหนึ่งในอาวุธปลดเปลื้องพันธนาการเช่นว่านี้อีกครั้งหนึ่ง... นั่งคือสิ่งที่ผมได้เขียนระบาย คุณค่าที่ผมเสพสมจากมันบ่อยครั้ง คือทำให้ข้างในสดใส ตะเกียงจุดติดอีกครั้ง นานอีกแต่ไหนหรือที่ต้องมาจุดอีกครั้ง,ไม่แน่ใจ

โลกียะสัมบูรณ์ของผมตอนนี้คือทั้ง สอบนักบริหารการเปลี่ยนแปลงของข้าราชการ(เพราะความฝันใฝ่ของมารดา), เตรียมการสอนภาษาอังกฤษเด็กเป็นร้อย(ทั้งที่ตัวเองยังเอาตัวแทบไม่รอด),สอบทุนก.พ.(ซึ่งยากกว่าพ.ก.หลายเท่า), เตรียมสัมภาษณ์งานลอว์เฟิร์ม(ด้วยเหตุผลทางรายได้อย่างเดียว-น่าเศร้า)

ผมเป็นคนที่ทำให้ความมืดสยายปีกมันอีกครั้งหนึ่งเอง และผมกำลังเตรียมผลของความมืดหนาหนักที่ท่วมทับจิตใจอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ความเหือดแห้งยาวนานของบลอกจึงเกิดขึ้น ทั้งๆที่ที่แห่งนี้ เป็นเหมือนบ่อน้ำแห่งความคิดสร้างสรรค์มากมาย-ที่ๆทำให้ผมได้ทำอะไรที่รู้สึกว่า ผมดื่มด่ำกับมัน ไม่ต่างอะไรกับการบรรเลงเเพลงแฮปปี้ เบิร์ธเดย์ ให้กับนักดนตรีวงsymphony orchestraทั้งหลายฟัง-แต่อย่างน้อย ผมก็ได้เล่นเพลงที่อยากเล่น หรือสามารถเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ในขีดจำกัดความสามารถของมนุษย์แขนงนักดนตรีกระจอกอย่างผม

ทำให้ผมคิดถึงคำใครและใครที่มีพระคุณกับผมที่ว่า "มือปืนเอ๋ย แค่เล็งสักเป้า อย่าส่าย อย่ายิงกราด" จริงครับ และผมก็พบเป้าหมายหรือตำตอบดำมืดของชีวิตผมมาแสนนานนั้นแล้ว แต่บางทีชีวิตของผม ไม่เปิดโอกาสให้ผมทำตามใจอยากมากมายนัก ด้วยข้อจำกัดหลายประการหนึ่งในนั้นคือความกล้าของตัวผมเองด้วย พบเลยซ่อนมันไว้ในหลุมลึกดำดิ่งของความคิด และดุ่มเดินไปเงียบๆกับชีวิตในการร้องเพลงโดยสุ้มเสียงของผู้อื่น-เพราะบางครั้งสิ่งนี้อาจเป็นความจริงกว่าตัวผมเองอีกเสียด้วยซ้ำ เพราะตัวตนมนุษย์ เป็นเพียงผลผลิตของวัฒนธรรมซับซ้อนแยบคายแค่นั้น ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น

และต้องขอบคุณบลอกอีกครั้ง ผมเพียงกำลังตะโกนกู่ร้องเป็นภาษาอังกฤษแขนงอเมริกันว่า "Who move my cheese?" ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรมากมายแค่ "Just go and find another" ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสบรรเลงบทเพลงฟุ้งเฟ้อเพ้อฝันของผมอีกครั้ง อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีอยู่จริง ในโลกที่สุ้มเสียงของคนอื่นแผดดังเสียเหลือเกินและผมก็เป็นคนที่ร้องมันเอง...ในสุ้มเสียงของผู้อื่น

ขอกลับสู่โลกครับและยินดีราตรีราตรีที่มาเยือน

เพราะผมจุดตะเกียงเรียบร้อยแล้ว... ถ้ามันดับก็จุดใหม่

แด่ชาวบลอกเกอร์ทุกคนที่มาฟังคำบ่นเพ้อไร้จุดหมายของผม และแด่เธอผู้เป็นดาวฤกษ์แห่งชีวิตของผม

จากมนุษย์แขนงนักดนตรีกระจอก

1 Comments:

At 2:18 PM, April 30, 2006, Blogger crazycloud said...

Fuck up ur life !

มาช่วยซ้ำ ฮา ฮ่า

 

Post a Comment

<< Home