Tuesday, January 31, 2006

ข้าวสาร เส้นทาง ชีวิต : ความรู้สึกแด่ถนนเส้นหนึ่ง


วรพจน์ พันธ์พงศ์ เคยกล่าวไว้ใน หนังสือ "เรามีแสงสว่างในตัวเอง" ว่า ถนนข้าวสารเป็นถนนเส้นที่สั้นที่สุด แต่มีความฝันทอดยาวแสนไกล

นักเดินทางต่างนาม ต่างที่ ต่างเนื้อถิ่นกำเนิด มาร่วมกันระบายความฝันสีสวยที่ถนนเส้นสั้นๆแห่งนี้

ผมก็ไม่ต่างกัน...ผมมาระบายถนนสายนี้อยู่บ่อยครั้ง ด้วยอารมณที่หลากหลายเมื่อมาถึง แต่ส่วนใหญ่จะกลับไปด้วยอารมณ์ที่เหมือนกันทุกครั้ง คือ เมา

คำถามที่ว่า บ่อยครั้งแค่ไหนที่ผมได้มาเยือนที่นี่ มันคงนับไม่ถ้วน (ไม่ใช่แม่นายชวนนะครับ)-บ่อยครั้งที่ตัวเลขถูกนำมาใช้เพื่อวัดคุณภาพ และบ่อยครั้งที่ผมเห็น
ว่าตัวเลขไม่ใช่ดัชนีชี้ชัดหรือวัดคุณค่าได้ เช่นมีผู้หญิงมากี่คนแล้ว ไม่มีทางชี้ได้ว่าคุณดูแลผู้หญิงได้ดีแค่ไหน เป็นต้น

บางทีหรือหลายครั้งคุณภาพที่มากขึ้น...ไม่ได้เดินจับมือมากับปริมาณที่มากขึ้น

................................................................................................

แล้วคุณภาพอะไรหรือที่ผมได้มาจากข้าวสาร?

สก็อตช์ วิสกี้-นักเป่าปี่หนึ่งร้อยท่าน(100 pipers),โค้งอีกหน่อยซิจ้ะ(Ben(d)more),ตราแดงหรือดำ(All Labels)ที่ไม่มีวันเขียวหรือฟ้า
(เพราะแพง),คุณแจ็ค(Jack)ผู้ฆ่าตับ ? รัม-โสมสะท้อนแสง? วอด(วาย)ก้า? เบอร์(นี้ขอ)เบิ้น? บาร์คาดี้?

เหล้า-เครื่องมือ โซดา-เครื่องมือ แก้ว-เครื่องมือ ดนตรี-เครื่องมือ ร้าน-เครื่องมือ

ทุกอย่างเป็นเครื่องมือเพื่อนำไปสู่...

มิตรภาพ, ความรัก, ความเข้าใจ
..................................................................................

ผมได้มีโอกาส"รู้จัก"คนมากหน้าหลายตา ได้ "เรียนรู้"คนที่รู้จักมากขึ้นที่นี่ ได้"เพื่อน"ผ่านบทสนทนาที่หลากหลายหรือจากความมันระดับวิปลาสที่นี่
ข้าวสารให้ผมมากเหลือเกิน จนรู้สึกว่าเป้าหมายของผมก็คือ "การเรียนรู้อยู่ในทุกลมหายใจ"เป้าหมายของผมมิได้อยู่สูงถึงยอดเขาหิมาลัย หรืออยู่ไกลถึง
ทำเนียบ เป้าหมายผมอยู่ในทุก"ฝ่าตีน"ที่เหยียบอยู่ที่นี่แหล่ะ

คือความสัมพันธ์ที่มีคุณค่า ที่เป็นกลิ่นหอมจรุงชีวิต เป็นโอสถทิพย์แห่งความป่วยไข้ เป็นภักษาหารแห่งจิตใจ ให้กับมนุษย์ตัวเล็กๆแห่งจักรวาล

....................................................................................

ถนนเส้นอื่นเทียบไม่ค่อยได้กับถนนข้าวสาร เพราะที่อื่นแฝงด้วยความเปลือกป้าย(สำนวนพี่โต) มากเหลือเกิน ที่นี่มีแต่ผู้มีหัวใจเปิดกว้างเข้าหากัน โดยมิได้ผ่าน
เครื่องแต่งกาย รถที่มีขับ หรือราคาค่าสังสรรค์ที่ต้องใช้จ่าย... มันอยู่เหนือกว่านั้น

สิ่งเหล่านี้ทำให้เราได้รู้จักกับผู้คน ถึงแม้มิได้มีความฝัน,คุณค่า,จริต,ความเชื่อ ทั้งหลายเหมือนกันกับเราทั้งหมดแต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเขาสามารถเดินร่วมทางไปกับ
เราได้อย่างเพลิดเพลินหฤหรรษ์ แม้ไม่ได้เดินในวิถีจัญวิไร(path)เส้นเดียวกันกับเรา แต่เส้นทางของเขาก็มิได้อยู่ไกลจากเรามากมาย ระยะระหว่างเส้นทางที่
ห่างกันนั้นมีเพื่อทำให้เราเดินได้สะดวก ไม่บีบรัด อึดอัด ขัดขวางซึ่งกันและกัน และเป็นระยะห่างที่เพียงพอที่จะให้เรายื่นมือมา "จับ" เขาได้เพื่อร่วมยินดี และ

"พยุง" เขาไว้เมื่ออ่อนล้าในทางกลับกันเขาก็พร้อมทำเช่นนั้นกับเรา

คงเป็นการเดินทางที่สนุกมิใช่น้อย

รู้สีกได้แล้ว "อบอุ่น" รู้สึกได้แล้ว "มีแรง"

และ "ลม" จะคอยพัดพาและเกื้อหนุนให้เราเสมอ

..........................................................

แต่เป็นเรื่องน่าแปลกที่ถนนข้าวสารซึ่งไม่ได้มีความแตกต่างใดๆในเชิงโครงสร้างหากเทียบกับถนนเส้นอื่น-ถนนเป็นแต่เพียง"เส้นทาง"ของมนุษย์เพื่อ"เดินทาง"
แต่ถนนข้าวสารมีเนื้อหา"ระหว่างทางมากมายเหลือเกิน"

หากในทรรศนะส่วนตัว สำหรับผมถนนข้าวสารมีปัจจัยที่มองไม่เห็น-คำที่ผมใช้บ่อยเพื่อแสดงถึงภาวะที่ใจเท่านั้นที่รูสึก ทำให้ภาษาซึ่งเป็นสิ่งที่มิไว้เพื่อกำกับ,ตรวจสอบ,ศึกษาทาง"วัตถุ"(material approach) แต่กับ"ใจ"ภาษาก็มึน งง และแปลกสภาวะกับเรื่องแบบนี้เสมอ

"ระหว่างทาง"ในการเดินผ่านข้าวสาร เราจะเจอชาวต่างชาติ แทบทุกทวีป ทุกศาสนา ทุกเผ่าพันธุ์ มาร่วมขับลำนำแห่งชีวิต ที่มิได้ยึดติดกับสิ่งสมมติที่เรียกว่า"รัฐชาติ" ต่างคน ต่างพูดจาแลกเปลี่ยน สังสรรค์ ดื่มดำ ร้องรำทำเพลงกันมากมาย ภาพที่การเมืองโลกหรือระบบโลกเรียกร้องใฝ่หามาตลอดประวัติศาสตร์เปื้อนเลือดของมนุษยชาติ มีให้เห็นง่ายๆที่นี่ ทั้งชาว"อิหร่าน"เตะตะกร้อกับ"อเมริกัน"โดยมีชาว"ไทย" คอยแซวเป็นที่สนุกสนานเฮฮา

ภาพเหล่านี้ ต่อให้สร้างสนธิสัญญากันกี่ฉบับ ลงนามเอฟทีเอกับหลายที่ ก็ไม่มีทางเทียบเท่าภาพแบบนี้หรอก

ผมในหลายครั้งมาดื่มเฮอากับเพื่อนฝูงก็มีโอกาสได้รู้จักเพื่อนชาวต่างชาติอยู่บ้างเป็นบางโอกาส และมีความยินดียิ่งกว่าผมขายหุ้นให้เตมาเสกได้เสียอีก ที่ได้เห็นภาพเหล่านี้

.......................................................................

หลายคนมีบทเพลงที่ตนหลงรัก หลายครั้งต้องรำไห้ทุกครั้งกับบทเพลงที่เป็นอนุสาวรีย์แห่งความเจ็บปวดของชีวิตตน หลายแขนงของดนตรีที่คว้าจับรสสุนทรียะของตนเสียอยู่หมัด

หลากหลาย แตกต่าง... แต่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

มีมีนิราศหลายนิราศกำลังถูกเขียน มีประสบการณ์มากมายกำลังถูกสร้าง มีความสัมพันธ์ที่กำลัง"ก่อเกิด",หรือ "ก่อตัว",หรือ "พัฒนา"มีบทเพลงหลายบทเพลงที่บรรเลงอยู่ ในคืนนี้

น่าแปลก... ในใจผมมีเสียงบทเพลง "Imagine"ของ จอห์น เลนนอน บรรเลงอยู่ทุกครั้งที่ผมเดินทางมาที่ถนนสายนี้ ถนนสายที่สั้นที่สุด ที่มีความฝันทอดยาวที่สุดในโลก

รู้สึกได้แล้ว "อบอุ่น" รู้สึกได้แล้ว "มีแรง"

สวัสดีครับ(อย่างมีสติ)

8 Comments:

At 3:37 PM, January 31, 2006, Blogger Soulseeker said...

ขอเชิญเพื่อนพ้องน้องพี่ มาร่วมสังฆกรรม ฆาตกรรม บัพพชนียกรรม เมายกรรม หรือทำกรรมเวร ได้ที่ถนนสายนี้ ทุกเวลาทำการ ผมพร้อมเป็นพยานรูเห็น หรือพยานไม่รูไม่เห็น(เพราะขาดสติ)ได้เสมอครับ

 
At 11:47 PM, January 31, 2006, Blogger cherry said...

อบอุ่นใจค่ะ คุณ ช่วงนี้เราก็ไปข้าวสารบ่อยมาก เพราะเพ่ยย้ายไปอยู่แถวนั้น ก็เลยขี้เกียจเดินทางไกลไปไหน บางทีก็แค่ไปกินผัดไท ไปเดินดูคน แล้วก็รู้สึกเหมือนอยู่ในคนละดินแดนกับถนนข้างหน้ากองสลาก เหมือนเข้าสู่อีกโลกนึงไปเลย เพลง imagine ก็คงเหมาะกับถนนเส้นนี้ที่สุดแล้วแหล่ะ

 
At 5:09 PM, February 03, 2006, Blogger Soulseeker said...

สวัสดีคนหน้าสวย นะครับ absolutcherry (เรียกเธอยังงี้ตลอดดีกว่า เท่ห์ดีแฮ่ะ ดูเหมือนรหัสชาร์ลีแองเจิ้ล)

แหม พี่มิ้ม มาบลอกเรายังแว้งแย๊ปคนอื่นได้อีก พี่มิ้มก็

 
At 5:30 PM, February 03, 2006, Blogger logakoo said...

ข้าพเจ้าชอบถนนข้าวสาร ไปแล้วอิ่มใจเหมือนกินข้าวหอมสุดอิ่มอร่อย
เฮ้ย ป๊ะหล่ะๆๆ คืนนี้ อาบน้ำๆ พร้อมได้แล้ว ย้าฮู้

 
At 1:03 PM, February 05, 2006, Blogger crazycloud said...

ข้าวสารงานงิ้วงานฝรั่ง
งานคลั่งเทศกาลงานฉลอง
ไฟฟ้าส่งสีสลับเรืองรอง
ลอยล่องหยอกละล้อล่อแมลง

ข้าวสารมิสุกจุกกระเดือก
ข้าวเปลือกไก่กินบนดินได้
ข้าวสวยไทยกินจนสิ้นใจ
ข้าวเหนียวลาวใส่กระเพาะสราญ

ข้าวสารมิใช่ข้าวสุก
เป็นข้าวทุกข์ข้าวโศกก่อโรคได้
หากมิใช้ปัญญาเป็นฟืนไฟ
ใส่ในใจเพื่อหุงปรุงกระทุ้งตน

ฮา ฮา ฮา !

 
At 10:45 PM, February 06, 2006, Anonymous Anonymous said...

คิดถึงข้าวสารว่ะ

 
At 7:00 AM, February 08, 2006, Blogger LekParinya said...

รุ่นพี่ผมกลับจากข้าวสาร รถชนเสาไฟฟ้า บุบเละเลยครับ ดีที่เขาไม่เป็นอะไรมาก
ผมถามเขา "วันนั้น เมาเหรอพี่"
พี่เขาตอบ "ไม่รู้ กูให้เพื่อนขับ เพื่อนกูชื่อ จอนนี่...จอนนี่ วอลเกอร์"

มีเสียงเบิ้ล มาแต่ไกล
"วันหลังเรียก จอนนี่ ไดร์เวอร์นะเว้ย"

 
At 5:15 AM, February 09, 2006, Anonymous Anonymous said...

My definitions of Khao San Rd.:

S aengsom bucket at silk bar
A wesom brick bar
V ivacious
I diosyncrasy
J oyous
A nswerable for any excuse to
go there

"SAP"

 

Post a Comment

<< Home