Friday, December 16, 2005

Nov.3, 2005 ในวันฟ้ามืดและความอบอุ่นแผ่ยะเยือก

ผมเดินทางมาถึงจังหวัดลำปางเรียบร้อยแล้ว รูปแบบแคลสสิคแห่งจริตคนเมือง “ถึงเรียบร้อยแล้ว” ยังเป็นการตอกย้ำคำของ มิลาน คุนเดอรา มนุษย์เมือง-มนุษย์ผู้เห็นการเดินทางมีขึ้นเพื่อไปถึงเป้าหมาย คราวนี้เราเดินทางมามิใช่เพื่อเป้าหมายใด เราเดินทางมาเพียงเพื่อต้องการเดินทาง
อารมณ์-บ่อพลังงานอันคุกรุ่นของจิตใจ ขณะนี้กำลังนอนอ้อยอิ่งรับภาพในเส้นทางที่พาดผ่านการเดินทาง
ความจริงธรรมชาติยืนอยู่กับที่ มีแต่เพียงและร่างกายเราเท่านั้นที่เคลื่อนไหว
เราอาศัยการเดินทางเพื่อเปิดตาแหกกะโหลก ให้รับรู้สิ่งวิจิตรในรูปแบบ no pay no chargeได้ชัดเจน มีนัยประหวัดที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึง นั่นคือสำหรับตัวผม ทำไมการเดินทางถึงสร้างความสุขให้กับตัวเราได้มากมายขนาดนี้ เพราะมันสวยหรือ? เพราะมันมีสิ่งใหม่เข้ามาหรือ?
ทำไมซึนามิความสงบถึงโหมใส่อย่างไม่หยุดยั้ง เพราะมันสวยหรือ? เพราะมีประสบการณ์ใหม่เข้ามาหรือ?
บางทีอาจมิใช่สิ่งที่ต้องการหาเหตุผลอย่างที่ได้กล่าวมา เพราะมันเป็นการใช้วิถีทางหาคำตอบที่ไม่ถูกต้องนัก
เพราะอะไร...
เพราะมันเป็นการตั้งคำถามด้วยการมองจากตัวเราเอง(ขบวนพาเหรดความเชื่อค่านิยมจะมาร่วมเดินกันอย่างรื่นเริงเมามันยิ่งกว่า คาร์นิวัลในบราซิลเสียอีก) อาจทำให้สิ่งที่เราค้นหาเบี่ยงเบนได้
แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรมากมาย
ผมแค่ได้แปลงกายเป็นสายลมเย็น ผมได้กลายร่างเป็นแม่น้ำใส ผมได้วิวัฒน์เป็นต้นไม้เขียว
ไม่รู้ว่าอนาคตที่เปลี่ยนแปลงในเวลาข้างหน้า ผมอาจจะกลับมาเป็นสปีซี่ย์ฆาตกรอีกเมื่อไหร่
แต่ตอนนี้ขอแปลงกาย... สักหนึ่งนาทีก็มีค่าพอ
เราอยู่ที่ขนส่งเมืองลำปาง ตอนนี้เวลาประมาณตีห้าของวันใหม่ พระอาทิตย์ขี้เซากำลังงัวเงีย เหมือนเพิ่งไปปาร์ตี้อย่างหนักเมื่อวาน-คงจะยังแฮงค์อยู่นิดหน่อย จากคำอ้างอิงของรุ่นน้องผู้เป็นบุคลากรเมืองนี้โดยใบทะเบียนบ้าน ช่วงเวลานี้ในความหมายของฤดู กำลังจะเข้าสู่ฤดูไม่ใส่ใจพระอาทิตย์ เพราะเจ้าดวงกลมสว่างมันมาทำงานสายและกลับบ้านเร็วกว่าชาวบ้านเขา แต่เอาหน่ายกโทษเพราะนายไม่เคยลาหยุดมากี่แสนล้านปี ขี้เกียจหน่อยก็ได้ ไม่ว่ากัน นายกยังพักโกงบินไปเที่ยวอังกฤษได้เลย
บรรยากาศแรกที่ได้สัมผัส(First atmospheric orgasm) ที่ได้ย่ำเท้ามาสู่เมืองใหญ่ทางเหนือ ความรู้สึกที่มีราวกับว่า มัคคุเทศก์ธรรมชาติมารออยู่ที่หน้าประตูรถบัสคันใหญ่ เมื่อเรามาสัมผัสผืนดิน มวลอากาศมวลใหญ่ที่น่ารัก มาโอบทาและฉาบรัดเราด้วยความเย็นขนาดมหึมา เป็นการต้อนรับที่น่ายิ้มแย้มสำหรับผู้มาเยือนเสียจริง
รุ่นน้องผู้น่ารักของเรา-เจ้าเฮง ภูเขาไฟหนุ่มเสียงสวยผู้ถือช่อไมตรีจิตรมาให้เราเสมอ มารออยู่ที่ท่ารถ เมื่อเจอภาพมิตรภาพที่ประสานงากับบรรยากาศที่สวยงามเช่นนี้ จึงกลายเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงของความเรียบง่ายและความสุข ของธุลีดินแห่งธรรมชาติที่บังเอิญเส้นทางชีวิตอันสับสนแสนสั้นมาตัดกันได้เหลี่ยมมุมพอดี ในช่วงเวลาของยุคสมัยที่เป็นabstractของจิตวิญญาณ-ความจริงมีอยู่แต่ตีความกันวายป่วง
ยังง่าย... ท่ามกลางความยาก ยังงาม... ท่ามกลางความอัปลักษณ์............ เสมอ
การเดินทางไปยังที่พักนั้น เมื่อเราได้สอบถามตามประสาของผู้ใหม่ จึงทราบว่าไม่ได้อยู่ไกลกันนักกับตำแหน่งที่เรายืนละเลียดบรรยากาศอยู่ จึงขอทำหน้าที่สุภาพบุรุษ(ผู้ซึ่งเปิดโอกาสให้ตัวเองหยาบคายอยู่เสมอ) โดยให้น้องสาวผู้ร่วมทางกับเรา-น้องเอ๋ หญิงสาวผู้ได้รับความน่ารักและสัปดนมาถือไว้เมื่อเดินทางมายังโลก ได้เดินทางล่วงหน้าไปก่อน เนื่องจากพาหนะของเรามีเพียงรถเครื่อง (มอเตอร์ไซค์ที่เปลี่ยนชื่อโดยภูมิภาษา) เจ้าเฮงจึงแปลงกายเป็นสารถีควบหญิงสาวไปพักผ่อนหลังจากการเดินทางที่น่าจะขโมยเวลาบนโลกและขู่กรรโชกเรียวแรงเธอไปโขที่เดียว แล้วอีกครู่หนึ่งมันคงมารับเรา ขอบคุณที่ปล่อยให้เรานั่งจิบภาพและเสียงของความสงบ ขอรอไปสักพักเพื่อสัมผัสกับผู้ต้อนรับที่เย็นชื่นใจอีกครั้ง
ระหว่างที่รอผมมาหยุดนั่งอยู่หน้าร้านขายของชำระดับconvenient storeนั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนตัวเขื่องที่อยู่ริมถนนหันเข้าหาสถานีขนส่ง มีกาแฟระดับอร่อยทั่วไปหนึ่งแก้ว-ไม่น่าซื้อกาแฟเย็นเลยแค่อากาศก็เย็นพอที่จะทำให้ความร้อนใจเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ไม่มีวันเป็นจริง คงเป็นความเคยชินของเด็กตึกผู้ร้อนใจ จึงอาศัยน้ำแข็งทุเลาจนเป็นนิสัย คลุกเคล้าไปกับโอสถมวนอเมริกัน (cancer’s roll of freaking paranoid nation) เป็นอุปกรณ์บรรเลงท่อนอินโทรของบทนิราศส่วนตัวขนานpop jazzที่ลำปาง-ดนตรีjazz ดนตรีที่แฝงความสนุกสนานและความเหงาอย่างกลมกล่อมจนกลายเป็นเมนูความสุขจานใหญ่ที่พร้อมให้ผู้ฟังรับประทานอยู่เสมอ ความสุขในแขนงที่ผมหลงใหลหรืออาจเป็นความสุขเพียงชนิดเดียวที่ผมมีโอกาสพบเจออยู่เสมอในช่วงจังหวะชีวิตขณะนี้ความสุขแขนง bitter sweet symphony (salute to the verve!, to all jazz musician!) ความเจ็บปวดอันแสนหอมหวาน ให้หมาป่าตาบอดผู้ไล่ล่าหาความสุขได้มาสวาปามอย่างเอร็ดอร่อยแม้ปริมาณของมันจะเป็นได้แค่การประทังชีวิตที่โรยแรงก็ไม่เป็นไร ดีกว่าหิวตาย
เมื่อแหงนหงายไปมองท้องฟ้าด้วยท่วงท่าและอากัปที่คุ้นเคย พลันนึกถึงคำพูดของพี่โต-อาจารย์ซามูไรโชกเลือดผู้มาก่อน ที่ว่าให้เราย้ำเตือนสติอยู่เสมอว่าการมองท้องฟ้านั้น คือการค้อมหัวให้ธรรมชาติและสัมผัสความยิ่งใหญ่ของโลกได้โดยตรง เคยมีกลอนเปล่าที่เราเคยเอ่ยพาดพิงจาบจ้วงธรรมชาติไว้ว่า
ผืนผ้าสีน้ำเงินเบื้องบน
อินทรีย์สยายปีกกล้า
นัยน์ตาแกร่งเขม็งจ้อง
มุ่งตรงมายังนัยน์ตาข้า
ข้าสั่นเทิ้มอ่อนไหว
ข้าเป็นเพียงธุลี
ข้าเป็นเพียงอณู
ข้าเป็นเพียงความว่างเปล่า
ว่างเปล่า...
ท้องฟ้าที่นี่ไม่ทำให้ผมผิดหวัง เพราะหมู่ดาวกำลังลอยเกลื่อนกลืนกับความกว้างใหญ่ของจักรวาล ราวกับท่อนsoloของsaxophoneในบทเพลงบอสซ่าที่ชุ่มช่ำ ฉุกใจคิดว่า ท้องฟ้าที่นี่กำลังยิ้ม ยิ้มเหมือนกับวงskaberry ที่ได้เห็นผู้คนเต้นรำไปกับมนต์รักเพลงสกาที่พวกเขากำลังเล่นที่ brickbar และคุณท้องฟ้าพูดกับผมว่า “คุณคือผม ผมคือคุณ จงดื่มด่ำไปกับเวลาที่เดินช้านะพรรคพวก”
ท้องฟ้าลำปางสัมผัสได้ง่ายกว่าการแวะเข้าซื้อบุหรี่ที่7-11 เพราะลักษณะของเมืองยังให้ความเคารพพี่ใหญ่ที่อยู่เบื้องบน อาคารยังมีลักษณะรังมนุษย์เมืองต่างจังหวัด (blended-in-with-nature townhouse) ที่ยังไม่ต้องการจะเปิดศึกเอาชนะคะคานกับท่านเมฆา ต่างกับเมืองใหญ่ที่เป็นเหมือนหลุมดำของกิเลสดูดมนุษย์ผู้โง่เขลาไปอยู่ในภาวะต้องบูชายัญทุกสิ่งให้กับความอยากของตัวเอง ความสูงของตึกจะอยู่ในระยะตั้งสองถึงสามชั้น จึงเปิดโอกาสให้สายตาที่คับแคบของเราได้เปิดกว้าง
เหม่อมองปลดปล่อยอารมณ์ให้เต้นรำเคล้ากับม่านควันพลิ้วโค้งระเหยหายไปกับอากาศมวลใหญ่ เมื่อหลับตาเรื่องราวต่างๆวิ่งเข้ามามากมาย ชีวิตคนเรามีเรื่องราวมากมายเหลือเกินที่เราต้องแบกเอาไว้ ความฝันที่ต้องตามล่า หน้าที่การงานที่ต้องทำให้สำเร็จ มองไปที่กลุ่มพี่ๆมอเตอร์ไซค์รับจ้างชีวิตของเขาวันนี้ก็คงมีเรื่องราวให้คิดอีกมากมาย อาจกำลังคิดว่าจะเริ่มต้นวันให้เร็วกว่าเดิมเพื่อให้มีเงินเพียงพอจะส่งค่าเทอมลูก พี่ๆคนกวาดขยะอาจกำลังบ่นพร่ำถึงความมักง่ายของชาวเมือง ผู้คนที่นั่งรอรถอยู่อาจกำลังแบกความฝันที่จะไปหาช่องทางทำมาหากินที่กรุงเทพ นักการเมืองท้องถิ่นในชุดผ้าไหมอาจกำลังคิดถึงวิธีทุบถนนใหม่เพื่องาบงบประมาณของประชาชน
ต่างคน ต่างเส้นทาง แต่ในการเดินทางที่เราเลือกไปนั้นก็เพื่อความสุขเป็นเป้าหมาย เราจึงทั้งจ้ำทั้งควบชีวิตไปอย่างกระหายหื่น เพื่อไปให้ถึง
มนุษย์เมือง-มนุษย์ผู้เห็นการเดินทางมีขึ้นเพื่อไปถึงเป้าหมาย คราวนี้ผมเดินทางมามิใช่เพื่อเป้าหมายใด ผมเดินทางมาเพียงเพื่อต้องการเดินทาง
เป้าหมายของผมอยู่ในทุกที่ที่เท้าสัมผัส อยู่ในทุกวัตถุที่สายตามอง อยู่ในทุกเสียงที่หูได้ยิน อยู่ในทุกจังหวะเต้นของหัวใจ อยู่ในทุกเวลานาที อยู่ในทุกความคิด

“เมื่อยินเมื่อยลเมื่อสัมผัส
จึงกระหวัดจึงตระหนักจึงได้เห็น
ฟ้ากว้างดาวพรายสายลมเย็น
ณ อรุณแรกเต้นเมืองลำปาง
ฉันยินเสียงทำนองของท้องฟ้า
ฉันแลเห็นเนื้อหาของรุ่งสาง
ฉันสดับบทเพลงอนงค์นาง
พระแม่ธรรมชาติสร้างอันรื่นรมย์”

ขอบคุณธรรมชาติผู้ปัดกวาดบทเพลงอันอื้ออึงแห่งจิตวิญญาณ
แปลกใจจัง
ผมหยุดอยู่กับที่อีกแล้ว

1 Comments:

At 4:13 PM, December 20, 2005, Blogger crazycloud said...

มันส์

 

Post a Comment

<< Home